เทศน์เช้า วันที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตามคติโบราณ ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ ดูสิ่งแวดล้อม เห็นไหม ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่ เขาดูกัน ดูพฤติกรรม เห็นไหม คนเขาดูลักษณะของสัตว์ สัตว์นี่เขาดูว่าสัตว์นิสัยเป็นอย่างไร คนจีนเราดูโหงวเฮ้ง เห็นไหม นิสัยคนเป็นอย่างนี้จะเป็นอย่างนั้น นี่เขาดูนิสัยกัน
ดูสมัยพุทธกาลนะ เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเกิดมา เห็นไหม กาฬเทวิลมาดูพุทธลักษณะ นี่พระพุทธเจ้าแน่นอน พระพุทธเจ้าแน่นอนเลย พุทธลักษณะเลยต้องเป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน ขนาดพยากรณ์ขนาดนั้นนะ พราหมณ์ทั้ง ๘ ก็พยากรณ์ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า แต่ขณะที่เป็นพระพุทธเจ้านะ แล้วเวลาออกมาประพฤติปฏิบัติอยู่ ๖ ปี การค้นคว้าขนาดไหน เห็นไหม คนเราไม่ใช่ดีที่การเกิด แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่ไม่มี ยังไม่มีผู้ชี้นำ เห็นไหม สร้างอำนาจวาสนามา
พระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลนะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่พุทธลักษณะสวยงามมาก พระนันทะนี่เหมือนพระพุทธเจ้าเลย ไปไหนเวลาคนเขาเห็นนะ เขานึกว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมานะ จะรับ พอมาจัดสถานที่เพื่อจะรับพระพุทธเจ้า เข้ามาแล้วไม่ใช่ เป็นพระนันทะ
แล้วพระอรหันต์สมัยโบราณนะ แบบเป็นปุ่มเป็นอะไร เห็นไหม นี่พระอรหันต์เหมือนกัน ใจนี่บริสุทธิ์สะอาดเหมือนกัน แต่ร่างกายความเป็นไปของลักษณะ ของโหงวเฮ้ง เราจะว่าถ้าเป็นอย่างนั้นมันเป็นความจริง เป็นสถิติ
แต่ปัจจุบันนี้ในการประพฤติปฏิบัติเรานะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปฏิเสธตรงนี้ไง ถ้าเราไปเชื่อตามนั้นหมด เราก็ต้องเป็นไปตามกรรม กรรมจะต้องให้เราเป็นอย่างนั้น ลักษณะเราเป็นอย่างนี้ เราจะไม่มีโอกาสเลยเหรอ ฉะนั้นพระอรหันต์สมัยพุทธกาลก็ไม่เหมือนกัน บางองค์นะเหมือนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย บางองค์นี่แบบลักษณะดูไม่ได้เลย แต่เขาก็ประพฤติปฏิบัติได้ เห็นไหม
การประพฤติปฏิบัติในปัจจุบันนี้สำคัญที่สุด คนเราดีดีเพราะการกระทำ ไม่ใช่ดีเพราะการเกิด ใช่! การเกิดมันเกิดในวัฏฏะไง เช่น เราทำบุญกุศลเกิดมา เห็นไหม คนนี้ร่างกายดี คนนี้เกิดมาสวยงาม คนนี้เกิดมานิสัยดี การเกิดอย่างนี้เป็นการเกิดในวัฏฏะ การเกิดนี้เป็นการเกิดด้วยการขับไสของบุญกุศล เป็นอดีต-อนาคต มันส่งเสริมกัน เห็นไหม
แต่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องปัจจุบัน ในเมื่อกรรมปัจจุบัน ขณะที่เราเกิดมา ถ้าเรามีศรัทธาความเชื่อนะ สิ่งที่เป็นลักษณะของเรา มันเป็นสิ่งที่มันเป็นผลมาจากการกระทำของเรา มันเป็นเรื่องของกรรมนะ กรรมให้ลักษณะอย่างนี้แล้ว
แต่ถ้าในหัวใจของเรา เห็นไหม ถ้าหัวใจของเรา เราเชื่อ เรามีความศรัทธา ถ้ามีความเชื่อ เราไม่โลเลนะ ความเชื่อทำให้เราปักใจมั่น ถ้าคนเรามันมั่นคง มีความเชื่อนี่มันทำให้เรามั่นคง ถ้ามั่นคงเราทำอะไรมันจะประสบความสำเร็จใช่ไหม
คนเราโลเล ทำอะไรก็จับจด โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็กลัว เรากลัวไปหมดเลยว่าเราทำไม่ได้ อะไรเราก็ทำไม่ได้เลย ถ้าเราทำไม่ได้ ทำไมเรามีศรัทธาล่ะ ถ้าเราทำไม่ได้ เราจะไม่มีความสนใจทางนี้สิ ที่เราสนใจ มันมีโอกาสแล้วนะ
เราสนใจศาสนา ดูสิ ดูว่าเขาไปหาสมบัติกัน พอเขาเริ่มตั้งใจทำมาหากินกัน เขามีความตั้งใจของเขา ถ้าเขามีความตั้งใจของเขา เขาทำของเขาประสบความสำเร็จ ถ้าเขาไม่มีความตั้งใจของเขา เขาโลเล คนโลเลทำอะไรไม่ประสบความสำเร็จเลย ศรัทธาความเชื่ออันนี้สำคัญ ถ้ามีความศรัทธาความเชื่อแล้ว เรามีศรัทธาความเชื่อ เราต้องทำให้ได้ตามที่เรามีเป้าหมาย ถ้าเราจะทำให้ได้ตามเป้าหมายนั้น เห็นไหม เราก็ต้องย้อนกลับมาเพราะอะไร
การกระทำ ดูองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่ ๖ ปี พิสูจน์มากับเจ้าลัทธิต่างๆ เห็นไหม ทั้งๆ ที่พุทธลักษณะแล้วนะ สร้างบุญกุศลมาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านะ ยังต้องค้นคว้าขนาดนี้ ค้นคว้าขนาดนี้คือเข้ามาค้นคว้าขนาดไหน แต่เวลาเราอ่านพระไตรปิฎก เห็นไหม พระศรีอริยเมตไตรยจะประพฤติปฏิบัติง่าย จะปฏิบัติง่ายอย่างนั้นต้นทุนมันก็ต้องมาก เราต้องสร้างสม เราต้องมีโอกาสเข้าไปตรงนั้น
สหชาติ การเกิด เวลาการเกิด เห็นไหม ดูสิ ทุคตะเข็ญใจลูกเขาเยอะไปหมดเลย ลูกเขานี่เยอะเลย แต่คนที่เขาอยากมีลูก คนที่เขาอยากจะมีผู้สืบต่อสมบัติ ทำไมเขาไม่ค่อยมี เพราะอะไร?
เพราะบุญกุศล บุญกุศลทำให้เราเกิดในครอบครัวที่มีศักยภาพ เกิดในครอบครัวคนที่อยากมีของเขา จิตที่มันจะมีสมควรมาเกิดมันน้อย แต่จิตที่มันมาเกิดมาตายตามวัฏฏะในตามแรงขับ เห็นไหม ดูสิ เกิดมานี่ลูกเต้ามหาศาลเลย แต่ก็เกิดมาทุกข์ยากทุกข์ๆ กัน ทุกข์อย่างนี้มันเกิดมาเพราะอะไร?
คนเราไม่ใช่ดีเพราะการเกิด แต่การเกิดนี้เกิดเพราะบุญกุศลมันพาไป มันต้องเกิดนะ จิตนี้ต้องเกิดแน่นอน เราเกิดมาแล้วเราทุกข์เรายาก เราจะไม่อยากเกิดอีก ถ้าไม่อยากเกิดอีกมันต้องมีเหตุมีผลมันถึงจะไม่เกิดสิ ถ้าเราไม่มีเหตุมีผลไปดับการเกิด มันต้องเกิดแน่นอน
พอเกิดแน่นอนขึ้นมา เห็นไหม เวลาเราไปเกิดขึ้นมา เราทุกข์ขนาดนี้แล้วเราก็เกิดขึ้นมา เราบอกเราทำแล้วมันจะสูญเปล่า เวลาเราทำของเรามันมีเหตุมีผลมีปัจจัยทำให้เราไม่เข้าไปถึงสัจจะความจริงอันนั้นล่ะ นี่สัจจะความจริงจากภายนอกนะ
งานการกุศล งานบุญกุศลที่เราทำกันอยู่นี้มันเป็นอามิส สิ่งที่อามิส เราจะเสียสละ เห็นไหม เราต้องมีความตั้งใจ เราต้องมีความมุ่งมั่น ถ้าเวลาพูดถึงเรื่องของทาน เห็นไหม พอเราตั้งใจจะทำทานขึ้นมา จิตมันเป็นกุศลแล้ว จิตเราคิดถึงแล้ว จิตเราเป็นกุศล จิตเราจะทำสิ่งที่คุณงามความดี มันมีจิตเป็นกุศล อันนั้นมันตลอดไป นี่จิตเป็นกุศล
แต่จิตที่ว่ามรรคญาณมันเกิดขึ้นมา ปัญญามันเกิดขึ้นมาเพราะจิตเป็นกุศล ในกุศลนั้น เห็นไหม ดูสิ เวลาไปทำบุญกุศลกัน ถ้าไม่พอใจมันจะขัดใจทันทีเลย ความขัดใจเพราะเป็นกุศล กิเลสมันก็ซ้อนไปอยู่ในนั้น
แต่ถ้าในการประพฤติปฏิบัติ มันต้องไปชำระกิเลสอันนี้ ถ้าชำระกิเลสอันนี้ จิตมันต้องให้ทำความสงบเข้ามาก่อน แค่ทำความสงบนี่เราทำได้ยากนะ เพราะอะไร ไม่สงบเพราะว่ามันมีกิเลส มันมีสิ่งเร้าในหัวใจ สิ่งเร้าในหัวใจทำให้จิตเราไม่สงบ ถ้าจิตเราไม่สงบขึ้นมา เราพยายามจะเข้าไปกด มันก็ยิ่งมีการต่อต้าน มีแรงต่อต้านนะ ความที่เราประพฤติปฏิบัติกันไม่ได้ผลเพราะมันเป็นเรื่องแรงขับของกิเลสมันต่อต้าน แต่บุญกุศลเรื่องธรรมมันเป็นผลประโยชน์ มันเป็นสิ่งที่คุณงามความดี แต่มันเกิดขึ้นมามันเกิดจากภายนอก
ดูสิ เปลือกส้มกับส้ม เปลือกส้มมันห่อเนื้อส้มไว้ มันห่อผลส้มไว้ สิ่งที่มันเป็นกิเลสมันห่อหัวใจไว้ ถ้าห่อหัวใจไว้ ถ้าเราจะเข้าไปถึงเนื้อของส้ม เห็นไหม เราถึงต้องมีความเชื่อมั่นในสัจธรรม เราต้องมีศรัทธา เราต้องมีสติเข้าไป พอเข้าไปมันจะสงบเข้ามา แม้แต่ความสงบนะ จิตแค่สงบนี่ก็มีความสุขมหาศาลแล้ว ความสุขเพราะอะไร?
เพราะความสุขใดเท่ากับจิตสงบไม่มี สิ่งที่สงบมันเพราะอะไร มันฟุ้งซ่าน ดูสิ เวลาเกิดพายุบุแคมขึ้นมา แล้วถ้ามันสงบไป เห็นไหม ดูสิ มันสงบขนาดไหน มันจะมีความสุขขนาดไหน จิตก็เหมือนกัน มันมีแรงขับของมันมากมายขนาดไหน ถ้ามันสงบตัวเข้ามามันจะมีความสุขขนาดไหน?
นี่แค่จิตสงบนะ แต่การกระทำมันเป็นงานละเอียดเข้ามาจากภายใน งานจากภายนอกอาบเหงื่อต่างน้ำเราว่าทุกข์ งานจากภายใน เรานั่งเฉยๆ เราเดินจงกรม นั่งสมาธิภาวนา มันก็ทำไม่ได้ เวลาถ้ามันนั่งสมาธิภาวนานะ มันก็ว่าอยากไปทำงานข้างนอก มันปรุงมันแต่งไง นี่บ้าสังขาร สังขารคือความคิด ความปรุง ความแต่ง
ขณะที่เราทุกข์ยาก เราก็อยากจะมีความร่มเย็น ขณะที่เราไปทำความสงบ มันก็อยากคิดไปข้างนอก มันไม่เป็นปัจจุบัน เห็นไหม การเกิดของความรู้สึก การเกิด-ดับของหัวใจ แต่ถึงที่สุดแล้วถ้าเรามีสติมีสัมปชัญญะของเรา เราจะย้อนกลับเข้ามาที่ของเรา ถ้าจิตเราสงบเข้ามาได้เป็นขั้นเป็นตอนเข้าไป เห็นไหม นี่ความสุขของเรา ความสุขของเราเกิดจากเรานะ แต่ถ้าเป็นการพึ่งพาอาศัยกัน เราเกิดจากภายนอก
นี่เหมือนกัน ถ้าความสุขเกิดจากเรา เราจะมีความสุขของเรา เราเชื่อมั่นของเรา เราทำของเรา ครูบาอาจารย์เป็นผู้ชี้นำเท่านั้น ถ้าจิตของเราทำสงบเข้ามาเป็นผลงานของเรา ความเป็นไปของเรา สิ่งที่เป็นของเรานะก็เกิดจากเรา เกิดจากความเป็นไป เกิดจากการตั้งใจของเรา สิ่งที่ตั้งใจจะเป็นโอกาสของเรา เอวัง